|
บทความวิถีชุมชนวัด |
|
หลักคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักรกับการช่วยเหลือ แบ่งปันให้ผู้อื่น ของวิถีชุมชนวัด
บทนำ
คำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักรคาทอลิกในเรื่องการดูแลเอาใจใส่เพื่อนพี่น้องมีมาตั้งแต่ในอดีต จะพูดได้ว่าตั้งแต่ยุคสมัยของพระเยซูเจ้าเอง เพราะกิจการที่พระองค์ทรงกระทำล้วนมาจากเรื่องของความรักต่อผู้อื่น เพราะทุกคนเป็นพี่น้องกัน บรรดาอัครสาวกและพระศาสนจักรซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในพระกายทิพย์ของพระเยซูเจ้าก็ปฏิบัติเรื่อยมา แต่วิธีการอาจจะมีการปรับเปลี่ยนไปบ้างตามกาลเวลา
อย่างไรก็ตาม คำสอนที่เป็นทางการที่นักการศึกษามักหยิบยกมาพูดถึงคือ Reruum Novarum แปลว่าเกี่ยวกับสิ่งใหม่ๆ จากพระสันตะปาปา ลีโอที่ 13 ในปี ค.ศ. 1891 เป็นคำแนะนำเพื่อความยุติธรรมในการกระจายทรัพยากร หรือค่าจ้างให้เหมาะสมในสมัยนั้น และเมื่อไม่นานมานี้ในปี 2004 มีสมณสาส์นจากพระสันตะปาปา ยอห์น ปอลที่ 2 เรื่อง ข้อสรุปคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักรหรือ Compendium of the social doctrine of the church ออกเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2004 นอกจากนั้นก็เป็นสังคยานาวาติกันที่ 2 ที่เราคุ้นเคย
พ่อขอยกตัวอย่างคำสอนเหล่านั้นมาใส่ไว้เป็นข้อๆ เพื่อทำให้เราเข้าใจเพิ่มขึ้นถึงความเป็นมา และกิจกรรมที่เราทำอยู่ในปัจจุบันที่สอดคล้องกับสถานการณ์ในประเทศไทย และดีใจที่ทั้งศูนย์สังคมพัฒนา พระสงฆ์ ซิสเตอร์ สภาอภิบาลและพี่น้องได้ให้ความสนใจ ไม่ละเลยต่อสังคม ซึ่งน่าชื่นชมมาก
ภาพ พระเยซูเจ้ากับคนโรคเรื้อน พระองค์ทรงอยู่เคียงข้างกับคนยากจนเสมอ
ภาพ สมเด็จพระสันตะปาปาทรงล้างเท้าผู้ลี้ภัย ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ทุกคนเป็นลูกของพระเจ้า
1. เรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ (Dignity of the Human Person)
รากฐานของการสอนสังคมคาทอลิกทั้งหมดคือศักดิ์ศรีโดยธรรมชาติของมนุษย์ ดังที่สร้างขึ้นตามพระฉายาและอุปมาของพระเจ้า พระศาสนจักรจักรจึงเรียกร้องให้มีการพัฒนามนุษย์แบบองค์รวม ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ที่ดีของแต่ละคนในทุกมิติคือ เศรษฐกิจ การเมือง สังคม นิเวศวิทยา และจิตวิญญาณ
“สังคมที่ยุติธรรมสามารถกลายเป็นความจริงได้ก็ต่อเมื่ออยู่บนพื้นฐานของความเคารพในศักดิ์ศรีของมนุษย์นั่นเอง บุคคลนั้นเป็นตัวแทนของจุดจบสูงสุดของสังคม ระเบียบทางสังคมและการพัฒนาจะต้องทำงานอย่างสม่ำเสมอเพื่อประโยชน์ของมนุษย์ ไม่ใช่ในทางกลับกัน” ( ข้อสรุปคำสอนด้านสังคมฯ no 132 )
2. เรื่องความดีของส่วนรวม (Common Good)
เราทุกคนต้องคำนึงถึงความดีของผู้อื่น และความดีของครอบครัวมนุษย์ทั้งหมด ในการจัดระเบียบสังคมของเรา ในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และทางกฎหมาย ศักดิ์ศรีของมนุษย์สามารถรับรู้และปกป้องได้ผ่านความสัมพันธ์ของเรากับสังคมโดยรวมเท่านั้น เราต้องรักเพื่อนบ้านของเรา ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก และให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของครอบครัวมนุษย์มากกว่าผลประโยชน์ทางการค้า
“พระเจ้าทรงประสงค์ให้โลกมีทุกสิ่งที่มีอยู่ในโลกเพื่อมนุษย์และทุกคน ดังนั้นภายใต้การนำของความยุติธรรมและในองค์กรการกุศล สิ่งของที่สร้างขึ้นควรมีอยู่อย่างมากมายสำหรับทุกคน”
(วาติกันที่สอง, Gaudium et Spes, ข้อ 69)
3. ความสามัคคี หรือ ความเป็นปึกแผ่น (Solidarity)
เราแต่ละคนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวมนุษย์ เราทุกคนต่างเชื่อมโยงถึงกันและพึ่งพาซึ่งกันและกัน การรักเพื่อนบ้านของเรามีมิติระดับโลก เราต้องมองตัวเองในผู้อื่นและร่วมมือกันเพื่อแก้ปัญหา ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเป็นการยอมรับว่าเรา "ร่วมกันทั้งหมดนี้" เป็นความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างชุมชนและส่งเสริมสังคมที่เป็นธรรม
ความเป็นปึกแผ่น เป็นคำที่มีความหมายมากกว่าการแสดงความเอื้ออาทรบ้างเป็นครั้งคราว คือการคิดและทำในแง่ของชุมชน, นอกจากนี้ยังเป็นการต่อสู้กับสาเหตุเชิงโครงสร้างที่ก่อให้เกิดความยากจน ความไม่เท่าเทียมกัน การขาดงาน ที่ดินและที่อยู่อาศัย การปฏิเสธสิทธิทางสังคมและแรงงาน คือเผชิญหน้ากับผลร้ายของอาณาจักรแห่งเงินตราการบังคับพลัดถิ่น ยาเสพติด โรคร้ายต่างๆ ความรุนแรง และความเป็นจริงทั้งหมดที่หลายคนต้องทนทุกข์ทรมาน และเราทุกคนถูกเรียกให้เปลี่ยนแปลง (โป๊ปฟรานซิส การประชุมขบวนการมวลชนโลก 2014)
4. คนจนต้องมาก่อน (Preferential Option for the Poor)
การทดสอบทางศีลธรรมของสังคมใด ๆ ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติต่อผู้ที่อ่อนแอที่สุด ความรักของพระเจ้าเป็นสากล ดังนั้นหลักการนี้ไม่ได้หมายความว่าเราให้ความสนใจไปที่คนยากจนเพื่อกีดกันผู้อื่น แต่เราถูกเรียกให้จัดลำดับความสำคัญของผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือก่อน เพราะเขายังไม่สามารถช่วยตัวเองได้
ความต้องการของคนจนมีความสำคัญมากกว่าความต้องการของคนรวย สิทธิของคนงานในการเพิ่มผลกำไรสูงสุด การรักษาสิ่งแวดล้อมมากกว่าการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถควบคุมได้ การผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการทางสังคมมากกว่าการผลิตเพื่อวัตถุประสงค์อย่างอื่น (ยอห์น ปอลที่ 2 ปราศรัยเกี่ยวกับความสามัคคีในยุคเทคโนโลยี โตรอนโต 1984)
5. การมีส่วนร่วม (Participation)
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม และการที่เราอยู่ร่วมกันมีผลกระทบต่อศักดิ์ศรีของบุคคลและความก้าวหน้าของสังคม ทุกคนมีสิทธิที่จะมีส่วนร่วมในชุมชน และในการตัดสินใจที่ส่งผลต่อชีวิตของพวกเขา และไม่สามารถยกเว้นได้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม
พระศาสนจักรปัจจุบันจึงเน้นเรื่องการมีส่วนร่วมของทุกคน พระสงฆ์ นักบวช คริสตชนทุกฐานันดร รวมทั้งองค์กรปกครองท้องถิ่น คือการมีส่วนร่วมซึ่งจะแสดงเป็นหลักในชุดของกิจกรรมโดยที่ประชาชนไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ของแต่ละบุคคลหรือกับคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะโดยตรงหรือผ่านตัวแทน การมีส่วนร่วมเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำให้สำเร็จอย่างมีสติโดยทุกคน ด้วยความรับผิดชอบและมุมมองต่อความดีส่วนรวม (บทสรุปของหลักคำสอนทางสังคมของพระศาสนจักร ฉบับที่ 189)
********************************************************************************************************************
บทความนี้มาจาก Development and peace , University of St Michael college Canada ; God bless you August 15st 2021
แปลและเรียบเรียงโดยพ่อมานพ ที่ปราจีนบุรี 15 ส.ค. 2021
|
โพสเมื่อ :
18 ส.ค. 2564,10:24
อ่าน 833 ครั้ง
|